All Posts

เมื่อมนุษย์เล่นบทพระเจ้า สร้างสรรศิลปะแบบธรรมชาติ เนรมิตเพชรแท้จากห้องแล็บ  ปัจจุบันเราสามารถผลิตเพชรได้ภายในห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่สามารถลอกเลียนปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดเพชรธรรมชาติขึ้นในชั้นแมนเทิล ที่อยู่ใต้แผ่นเปลือกโลก เพชรที่มนุษย์สร้างขึ้นเหล่านี้ ประกอบขึ้นจากอะตอมคาร์บอนแท้ที่จัดเรียงตัวกันใหม่เป็นโครงสร้างผลึกเพชร …. เพชรแท้จากแล็บนี้ ผลิตมาจากวัตถุดิบตั้งต้นเดียวกันกับเพชรธรรมชาติ จึงมีคุณสมบัติเหมือนกันทั้งทางแสงและทางเคมี Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) ของ LenYa เพาะมาจาก SEED คาร์บอนที่นำมาจากเพชรที่มีอยู่แล้ว ผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง — ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความดันและความร้อนสูง หรือ กระบวนการสะสมแบบพิเศษ— ที่เลียนแบบวิธีการทางธรรมชาติของการเกิดเพชร  เพชรสีที่เพาะในห้องปฏิบัติการจะถูกสร้างขึ้นด้วยเพิ่มธาตุที่เฉพาะเจาะจงเข้าไปในช่วงระหว่างการเพาะเพชรเหมือนอย่างกระบวนการตามธรรมชาติ ทั้งนี้ การแยกความแตกต่างระหว่างเพชรที่เพาะในห้องปฏิบัติการกับเพชรธรรมชาตินั้น จะสามารถแยกความแตกต่างได้ต่อเมื่อใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่จะสามารถตรวจพบความแตกต่างแม้เพียงเล็กน้อยในสัดส่วนของธาตุและการตกผลึกได้เท่านั้น จึงกล่าวได้ว่า Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) นั้นก็คือเพชรแท้ๆนั้นเอง หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) กับ เพชรที่เกิดจากธรรมชาติ ก็เหมือนกับ การทำเด็กหลอดแก้ว กับ เด็กที่เกิดจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเกิดด้วยวิธีใด ก็คือเพชรเหมือนกัน เพราะการนำนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ต่างๆเข้ามาจำลองกระบวนการแบบธรรมชาติ จึงให้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างจากธรรมชาติ Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) นั้นกำลังจะเข้ามามีบทบาทในตลาดซื้อขายเพชรแท้แน่นอน ไม่ต่างจากในอดีตที่เทคโนโลยี สามารถจำลองการผลิตมุกได้ไม่ต่างจากธรรมชาติ เช่นเดียวกับ Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ)…

อย่าสับสนระหว่าง LAB-GROWN DIAMOND (เพชรแท้จากแล็บ) กับ เพชรปลอม เพชรที่ผลิตขึ้นในแล็บต้องเป็น เพชรปลอมเพชรเทียมแน่ ๆ !!! คำกล่าวข้างต้นนั้นเป็นความเชื่อของหลายๆคน ซึ่งไม่ถูกต้องสักทีเดียว เพราะสิ่งสำคัญที่ควรต้องทราบคือ ความแตกต่าง อย่างชัดเจนระหว่าง Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) และ เพชรเลียนแบบ เพชรเลียนแบบ เช่น   คิวบิก เซอร์โคเนีย/เพชรสวิส และ เพชรโมอิส นั้น ดูคล้ายกับเพชรแต่ไม่ได้เกิดจากผลึกคาร์บอนแท้ เพชรเลียนแบบนั้นไม่มีคุณสมบัติทางเคมีและทางกายภาพเหมือนเพชรธรรมชาติ จึงทำให้มีราคาที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับ Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) โดย  การแยกความแตกต่างระหว่างเพชรเลียนแบบออกจากเพชรธรรมชาติหรือ Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) นั้น สามารถแยกได้ด้วยตาเปล่า เมื่อตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจเพชรแบบพกพาจะพบว่า เพชรธรรมชาติและ Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) มีคุณสมบัติการนำความร้อนที่ต่างจาก คิวบิก เซอร์โคเนีย ทั้งนี้ นักอัญมณีศาสตร์สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเพชรแท้กับเพชรโมอิสได้จากความแตกต่างของคุณสมบัติการหักเหของแสง โดยเพชรโมอิสจะมีการหักเหแสงแบบคู่ ในขณะที่เพชรนั้นจะหักเหแสงแบบเดี่ยว จึงกล่าวได้ว่า Lab–Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) นั้นก็คือเพชรแท้ๆ  นั้นเอง หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) กับ เพชรที่เกิดจากธรรมชาติ ก็เหมือนกับ…

หลายคนสงสัยว่า “เพชรแล็บคือเพชรแท้หรือไม่?” บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความจริงเกี่ยวกับเพชรแล็บ และเหตุผลที่ทำให้เพชรแล็บเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม

LAB-GROWN DIAMOND (เพชรแท้จากแล็บ) เมื่อเวลานับล้านปีถูกเร่งให้เหลือเพียงสัปดาห์ เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเพชรนั้นเกิดขึ้นจากการบีบอัดและอุณหภูมิที่สูงมากตามธรรมชาติ เป็นเวลากว่าล้านปี แต่เพชรที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์นั้น ถูกสร้างขึ้นโดยการใส่ “SEED” เข้าไปในห้องที่มีระบบความร้อนและความดัน ห้องนี้เลียนแบบกระบวนการเกิดขึ้นของเพชรตามธรรมชาติ เมื่อมีการตกผลึก   เพชรจะโตเต็มที่ภายในระยะเวลาประมาณ 10 สัปดาห์ กระบวนการปฏิกิริยาการสะสมไอเชิงเคมี Chemical Vapor Deposition (CVD) ปฏิกิริยาการสะสมไอเชิงเคมี หรือ CVD เป็นกระบวนการที่ใช้ในการสร้างเพชรเกรดอัญมณี กระบวนการ CVD เติมก๊าซคาร์บอนที่มีความบริสุทธิ์สูงเข้าไปในห้องควบคุม ก๊าซคาร์บอน เช่น ก๊าซมีเทน ถูกทำให้ร้อนจนแตกตัวออก เพื่อให้อะตอมของคาร์บอนภายในแก๊สนั้นสามารถแยกออกได้ อะตอมของคาร์บอนเหล่านี้เมื่อสัมผัสกับพื้นผิวซับสเตรตของเพชรและสร้างชั้นขึ้นจนทำให้เกิดผลึกเพชรดิบ กระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 10 สัปดาห์และเกิดเป็นเพชรเกรด lla ขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การวิจัย CVD ได้รับความนิยมมากขึ้น และปัจจุบันมักใช้กระบวนการ CVD ที่มีการดัดแปลงแล้วในการเพาะเพชร กระบวนการเหล่านี้แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของชนิดเคมีที่ใช้ โดยมีตัวอย่างเช่น การเกิดปฏิกิริยาตกสะสมไอเชิงเคมีแบบแรงดันต่ำ (LPCVD) การเกิดปฏิกิริยาตกสะสมไอเชิงเคมีแบบ Ultra-high Vacuum (UHVCVD) การเกิดปฏิกิริยาตกสะสมไอเชิงเคมีเสริมพลาสม่า   (PECVD) การเกิดปฏิกิริยาตกสะสมไอเชิงเคมีเสริมพลาสม่าที่ความถี่ไมโครเวฟ  (MPCVD) และผลลัพธ์ก็คือเราสามารถจำลองเพชรที่ไม่ต่างอะไรจากเพชรที่เกิดจากธรรมชาติได้ในห้องแล็บ Lab-Grown Diamond (เพชรแท้จากแล็บ) ในเวลาด้วยที่สั้นกว่าธรรมชาติแล้ว…