ประเด็นหนึ่งที่คนซื้อเพชรทุก ๆ คนต้องจำให้ขึ้นใจคือไม่ใช่ว่าพอร้านที่เลือกซื้อเพชรออกใบเซอร์มาให้แล้วจะการันตีว่าเพชรนั้นเป็นเพชรคุณภาพดีตรงกับที่ต้องการจริง ๆ หลายคนไม่เคยสังเกตหรือไม่เคยอ่านใบเซอร์ด้วยซ้ำว่าเป็นอย่างไรแค่รู้ว่าร้านออกมาให้หมายถึงเพชรแท้จบ บทความนี้จึงอยากบอกวิธีดูใบเซอร์ให้ตรงกับเพชรเม็ดนั้นจริง ๆ ว่าต้องดูอย่างไรบ้าง

หลายเลขขอบเพชรกับใบเซอร์ต้องตรงกัน

หลายเลขขอบเพชรกับใบเซอร์ต้องตรงกัน

สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบทันทีหลังได้ใบเซอร์เพชรมาอยู่ในมือ ก็คือ หมายเลขใบเซอร์ที่ระบุไว้บนเอกสาร ต้องตรงกับหมายเลขที่สลักอยู่บนขอบเพชรเม็ดนั้น ซึ่งเป็นขั้นตอนพื้นฐานแต่สำคัญมากที่หลายคนมองข้าม หากหมายเลขตรงกันจริง นั่นเป็นสัญญาณแรกที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า “ใบเซอร์นี้ไม่หลอกแน่ ๆ”

เพชรใบเซอร์ ใบเซอร์เพชรแล็บ

โดยทั่วไปแล้ว เพชรที่มีใบเซอร์จากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น GIA, IGI หรือ HRD จะมีการ สลักเลเซอร์หมายเลขใบเซอร์ไว้บริเวณขอบเพชร (Girdle) ซึ่งเป็นขอบรอบนอกระหว่างด้านบน (Crown) กับด้านล่างของเพชร (Pavilion) ตัวเลขที่สลักไว้จะตรงกับหมายเลขในใบเซอร์ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างเอกสารกับเพชรเม็ดจริงโดยตรง

แม้การสลักจะมีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่สามารถใช้ กล้องขยายแบบ Loupe หรือกล้อง Microscope ที่ทางร้านเพชรมีให้บริการ เพื่อส่องดูได้อย่างชัดเจน โดยทั่วไปพนักงานจะช่วยชี้จุดให้ดูและหมุนเพชรในองศาที่เหมาะสมเพื่อให้เห็นตัวเลขนั้นอย่างชัดเจนที่สุด

การตรวจสอบจุดนี้ช่วยให้คุณมั่นใจว่าเพชรที่คุณถืออยู่ คือเม็ดเดียวกับที่ใบเซอร์ระบุจริง ๆ ไม่ใช่มีการ “สับเปลี่ยน” หรือให้ใบเซอร์ของเม็ดอื่นมาแทน — ซึ่งในกรณีที่ร้านค้าไม่ซื่อสัตย์ อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นอย่าเพียงแค่ “รับใบเซอร์แล้วเก็บ” แต่ควรตรวจสอบด้วยตัวเอง หรือขอให้พนักงานช่วยแสดงให้เห็นก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง

เคล็ดลับ: ถ้าคุณไม่เคยใช้กล้องขยายมาก่อน ไม่ต้องกังวล ร้านเพชรที่ดีจะมีพนักงานช่วยแนะนำและพาเช็กหมายเลขให้ตรงกับใบเซอร์อย่างละเอียด ซึ่งคุณควรใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้ไปในตัวด้วย

น้ำหนักกับขนาดต้องตรงกัน

หลังจากตรวจสอบหมายเลขใบเซอร์กับหมายเลขที่สลักบนขอบเพชรเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การตรวจสอบ “น้ำหนัก” และ “ขนาด” ของเพชรว่าเป็นไปตามที่ระบุไว้ในใบเซอร์หรือไม่ เพราะแม้เพชรจะดูสวยถูกใจแค่ไหน แต่ถ้าคุณสมบัติไม่ตรงกับเอกสารที่ได้รับ ก็ถือว่ายังไม่น่าไว้วางใจ

ทำไมต้องดูทั้งน้ำหนักและขนาด?

หลายคนอาจเข้าใจว่าแค่เพชรมีน้ำหนักตรงตามที่ระบุไว้ในใบเซอร์ก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้น น้ำหนักเพชร (Carat) และขนาดเพชร (มม.) เป็นคนละเรื่องกัน และ ไม่ควรดูเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

เพชรสองเม็ดที่มีน้ำหนักเท่ากัน เช่น 1 กะรัต อาจมีขนาดต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับ “สัดส่วน” และ “รูปแบบการเจียระไน” เช่น

  • เพชรที่เจียระไนลึก (deep cut) จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่เล็กกว่า แม้น้ำหนักเท่ากัน
  • ในขณะที่เพชรที่เจียระไนตื้น (shallow cut) จะดูหน้ากว้างกว่า แต่ลึกน้อยกว่า

ดังนั้น ขนาดมิลลิเมตร (มม.) ของเพชรตามที่ระบุในใบเซอร์ จึงเป็นข้อมูลที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเพชรเม็ดนั้นได้รับการเจียระไนตามมาตรฐาน ไม่ถูก “ซ่อนน้ำหนัก” ไว้ในรูปแบบที่ทำให้เพชรดูเล็กกว่าความเป็นจริง

ส่องตำหนิเพชร: ดูให้ชัดเพื่อความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อ

การดูตำหนิในเพชรอาจจะฟังดูยุ่งยากสำหรับมือใหม่ และหลายคนอาจรู้สึกว่า “ดูไม่ออกหรอก มันเล็กมาก” หรือ “เห็นแค่แว้บ ๆ ก็พอแล้วมั้ง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว การส่องตำหนิของเพชรให้ตรงกับข้อมูลในใบเซอร์คืออีกหนึ่งวิธีที่ช่วย ยืนยันความถูกต้องว่าเพชรเม็ดนั้นตรงกับใบเซอร์จริง ไม่ได้ถูกสลับหรือสวมรอย และยังช่วยให้คุณเข้าใจถึง “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” ของเพชรเม็ดนั้นได้ด้วย

ตำหนิเพชรคืออะไร?

ตำหนิ (Inclusions และ Blemishes) คือจุดหรือรอยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติระหว่างกระบวนการก่อตัวของเพชร หรือบางครั้งอาจเกิดขึ้นในระหว่างการเจียระไน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

  1. Inclusions – ตำหนิภายในเนื้อเพชร เช่น จุดสีดำ รอยแตกเล็ก ๆ หรือผลึกภายใน
  2. Blemishes – รอยที่อยู่บนพื้นผิว เช่น รอยขีดข่วน หรือจุดขุ่นเล็ก ๆ

ในใบเซอร์เพชรจะมีแผนภาพ (Plotting Diagram) ที่แสดงตำแหน่งและลักษณะของตำหนิเหล่านี้อย่างชัดเจน เปรียบเหมือน “ลายนิ้วมือ” ของเพชรแต่ละเม็ดที่ไม่มีวันเหมือนกัน

วิธีส่องตำหนิเพชรให้ตรงกับใบเซอร์

  1. ใช้กล้อง Microscope หรือ Loupe ขยาย 10 เท่า
    ร้านเพชรที่ได้มาตรฐานจะมีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ให้ลูกค้าใช้ส่องดูตำหนิเพชร ซึ่งคุณสามารถขอให้พนักงานช่วยแนะนำวิธีการดูได้
  2. เปิดใบเซอร์ดูแผนผังตำหนิ (Plotting Diagram)
    โดยปกติใบเซอร์จากสถาบันอย่าง GIA หรือ IGI จะมีแผนภาพที่แสดงตำแหน่งของตำหนิทั้งจากมุมมองด้านบน (Crown View) และด้านล่าง (Pavilion View)
  3. ส่องดูที่ตัวเพชร แล้วเปรียบเทียบกับจุดในแผนผัง
    อาจใช้เวลาสักหน่อยในการหมุนเพชรหาตำแหน่งที่ระบุ แต่หากพบตำหนิที่ตรงกัน นั่นคือเครื่องยืนยันว่าเพชรเม็ดนี้คือเม็ดเดียวกับที่ระบุในใบเซอร์

ทำไมการดูตำหนิจึงสำคัญ?

  • ช่วยยืนยันตัวตนของเพชร: เปรียบเสมือนตรวจลายนิ้วมือ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการสลับเพชร
  • เข้าใจระดับคุณภาพของเพชร: คุณจะได้รู้ว่าตำหนิอยู่ในระดับที่มองเห็นด้วยตาเปล่าหรือไม่ และตำหนิส่งผลต่อความงามของเพชรมากแค่ไหน
  • มั่นใจในการจ่ายเงิน: เพชรที่มีตำหนิระดับ VS หรือ VVS มักมีราคาสูงกว่าระดับ SI หรือ I เพราะตำหนิเห็นยากหรือแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า การตรวจสอบให้ตรงกับใบเซอร์จะทำให้คุณมั่นใจว่าราคาที่จ่ายไปนั้น “สมเหตุสมผล”

เคล็ดลับ:

สำหรับเพชรแล็บ (Lab-grown diamond) แม้จะมีตำหนิน้อยกว่าธรรมชาติ แต่ใบเซอร์ก็จะยังแสดงตำหนิเช่นกัน และควรตรวจสอบเหมือนกันทุกประการ

หากคุณมองไม่เห็นตำหนิด้วยตนเอง อย่าลังเลที่จะขอให้พนักงานส่องให้ดูและชี้ตำแหน่งในกล้องให้เห็นชัดเจน

นัดหมายเข้าชม หรือซื้อ Lab Grown Diamond